วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

แนะนำตัว

นายพฤษภา หงษ์พันธ์ ชื่อเล่น ภา อายุ 34 เป็นคนอุบลราชธานี ปัจจุบันอยู่กรุงเทพ
สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจทำ ธุรกิจ นีโอไลฟ์ วันหนึ่งผมได้ดูทีวีรายการ Neo tv ที่บ้าน ดูนักธุรกิจแต่ละคนเขาเล่าประสบการณ์ความสำเร็จกับนีโอไลฟ์
ทำง่าย มีรายได้ดี มีความสุข สุขภาพดี บรรยากาศเป็นกันเอง(ไม่ต้องรักษายอด )
ผมก็เลยสนใจ และส่วนตัวก็มีปัญหาด้านสุขภาพอยู่ด้วย
ผมจึงลองไปพิมพ์หาคำว่านีโอไลฟ์ใน google เข้าไปดูทุกๆเว็บ
แต่มีทีมงานที่ผมสมัครร่วมทำธุรกิจด้วยเป็นทีมงานที่ทำงาน ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
มีเว็บไซต์สำหรับทำงานให้ฟรี เป็นการทำงานในระบบใหม่ เราไม่ต้องไปเดินหาผู้สนใจธุรกิจให้ลำบาก
ซึ่งทำให้เราสามารถทำงานที่บ้านได้และทุกๆที่ที่มีคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต
ยิ่งได้พูดคุยกับหัวหน้าทีมและทีมงาน ยิ่งทำให้ผมมั่นใจมากยิ่งขึ้น ในระบบของ การทำงานเป็นทีม ในความสำเร็จ

ผู้สนใจร่วมทำ ธุรกิจ นีโอไลฟ์ ร่วมกับทีมงานของเรา

คุณ สามารถ กรอกข้อมูลมายังทีมงานของเราได้เลยครับ
ทีมงานของเรายินดีต้อนรับและเปิดโอกาสทางธุรกิจสำหรับทุกๆท่าน


 

“นีโอไลฟ์” ตอกย้ำความแรงข้ามแดน หวังปูทางธุรกิจขายตรงระดับแนวหน้าภูมิภาคอาเซียน

“นีโอไลฟ์” ตอกย้ำความแรงข้ามแดน หวังปูทางธุรกิจขายตรงระดับแนวหน้าภูมิภาคอาเซียน
“นีโอไลฟ์” ตอกย้ำความแรงข้ามแดน หวังปูทางธุรกิจขายตรงระดับแนวหน้าภูมิภาคอาเซียนล่า สุดเดินเครื่องบุกตลาดเพื่อนบ้านประเทศกัมพูชา แย้มเตรียมพบความยิ่งใหญ่ช่วงแกรนด์โอเพ่นนิ่ง 9 พ.ค.นี้ พร้อมมั่นใจจะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมแน่นอน…เผย ประกอบการ Q1 เติบโตดีตามเป้า ประกาศเตรียมพบผลิตภัณฑ์ใหม่นำเข้าจากออสเตรเลียช่วง Q2 พร้อมปลื้มยอดสมาชิกคนสำเร็จที่ผ่านมากว่า 15,000 คน ลั่นเป้าปีนี้ขอนำพาผู้นำให้สำเร็จ 2 พันคนต่อเดือน
…นับได้ว่าความเข้มข้นของ “ธุรกิจเครือข่าย” ในปัจจุบันนี้ค่อยข้างที่จะเปิดเกมส์รุกแบบเชือดเฉือนชนิดที่ว่า “ตาต่อตาฟันต่อฟัน” กันเลยที่เดียว เพราะหากใครที่ไม่มีความพร้อมในเรื่องของเสบียงแล้วละก็มีสิทธิ์จะเจ็บตัว ได้ทุกเมื่อ
..ในขณะเดียวกันเรื่องของ “วิสัยทัศน์” ความ “กล้าได้ กล้าเสีย” ที่จะรุกตลาดอย่างเต็มอัตราศึกก็มีส่วนสำคัญ ในการนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ด้วยเช่นกัน
…เห็น ได้อย่างเครือข่ายพันธุ์ไทยแท้อย่าง “บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด”  ภายใต้การนำทัพของ “ดร.นพรุจ เวชกุล” ประธานกรรมการบริหารและ “ดร.รัชนี มหานิยม” ประธานบริหารฝ่ายสมาชิก แล้วละก็ ต้องยอมรับว่า 2 ผู้บริหารท่านนี้ เป็นอีกหนึ่งผู้บริหารฝีมือระดับแถวหน้า ที่น่าจับตามองอย่างมากทีเดียว ในยุคนี้ พ.ศ. นี้ เพราะเห็นได้จากช่วงเวลาที่ผ่านมา ค่ายนี้สามารถสร้างคนที่สำเร็จได้อย่างมากมายทีเดียว ในแต่ละเดือน…
…และขึ้นชื่อว่า “นีโอไลฟ์” ความสำเร็จไม่ใช่ที่จะหยุดเพียงแค่นี้แน่ แต่ยังเตรียมที่จะส่งต่อความร่ำรวยสู่พี่น้องประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย กับเป้าหมายที่สำคัญคือไปยึดครองตลาดขายตรงในต่างประเทศอาเซียนทั้ง 10ประเทศ รวมถึงในประเทศจีนและอินเดีย
เร่งบุกตลาดใหม่กัมพูชา
ธุรกิจแกรนด์โอเพ่นนิ่ง 9 พ.ค.นี้
ล่าสุด “ดร.นพรุจ เวชกุล” ประธานกรรมการบริหาร บรษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด ได้เผยผ่าน “ตลาดวิเคราะห์” ว่า ในช่วงเดือนเมษายนนี้ นีโอไลฟ์ เตรียมที่จะรุกธุรกิจในประเทศใหม่ คือประเทศกัมพูชา โดยในช่วงนี้จะเป็นการจัดระบบทุกอย่างให้เข้าที่ก่อนไปพร้อมๆกับการทำแผน โฆษณาประชาสัมพันธ์ ชี่งในขณะนี้สาขาอยู่ในระหว่างการตกแต่งโดยเป็นสาขาที่เรียกได้ว่าใหญ่โตพอ สมควร และจะมีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผ่านมาด้วยซี่งจะจัดงานแกรนด์ โอเพ่นนิ่งในวันที่ 9 พ.ค. 2555 นี้ ที่กรุงพนมเปญ
…”ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ นีโอไลฟ์เองได้เคยรุกตลาดไปในหลายประเทศบ้างแล้ว แต่ว่าในประเทศเหล่านั้นเป็นการไปขยายธุรกิจแบบธรรมชาติซึ่งอาจจะยังไม่สามา รถบูมธุรกิจได้เร็ว  แต่ในการรุกในประเทศกัมพูชาครั้งนี้ ถือว่ามีความโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในประเทศกัมพูชา และพร้อมที่จะเป็นสมาชิกต้นๆให้กับเราในการขยายเครือข่าย”

…จะ เห็นได้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา “นีโอ ไลฟ์”  เอง ได้เริ่มชิมรางในประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาวเป็นแห่งแรกซึ่งในช่วงที่ ผ่านมา ต้องพบเจอปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางด้านภาษาและวัฒนธรรมมุมมองและแนวความคิด การบริหารการจัดการระหว่างเจ้าขอพื้นที่กับสมาชิกนักธุรกิจของไทย โดยกว่า2ปีในประเทศลาว ที่ นีโอไลฟ์ บุกเบิกทำงานอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ตนเอง จนในวันนี้พบว่า นีโอไลฟ์ เริ่มที่จะเป็นที่ยอมรับ ในตลาดของประเทศลาวบ้างแล้วซึ่งปัจจุบันมีศูนย์สาขาอยู่ในประเทศลาวถึง 4ศูนย์ด้วยกันคือ ศูนย์สาขาเวียงจันทร์ ศูนย์สาขาสหวันเขต ศูนย์สาขาจำปาสัก และศูนย์สาขาอุดมชัย
….นับได้ว่าจากความสำเร็จในประเทศเพื่อนบ้านของ นีโอไลฟ์ ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ นีโอไลฟ์  หมายมั่นปั้นมือคาดการณ์ว่าภายในปี 2556 จะสามารถเปิดศูนย์สาขาในภูมิภาคอาเซียน ได้สำเร็จทุกประเทศแน่นอน
…. ซึ่งการรุกตลาดอาเซียนในครั้งนี้ แน่นอนว่าความได้เปรียบเสียเปรียบย่อมตามมาสำหรับกลุ่มธุรกิจที่อยู่ใน ธุรกิจขายตรงโดยบริษัทขายตรงน้อยใหญ่ พยายามสรรหากลยุทธ์ต่างๆ ขึ้นมาเพื่อรองรับการพลิกโฉมของอาเซียน เช่นเดียวกับที่ นีโอไลฟ์ แบรนด์ขายตรงแถวหน้าของเมืองไทยก็เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ได้มีแผนรองรับ เรื่องนี้ไว้เช่นกัน



นีโอไลฟ์ เร่งสยายปีกรับตลาดเออีซี ดันธุรกิจโกอินเตอร์ วาดเป้า 5 ปีข้างหน้าดันรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ใช้งบลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท หวังขึ้นแท่นติด 1 ใน 5 ของธุรกิจขายตรงในประเทศไทย
นายนพรุจ เวชกุล ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ ไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ“ว่า บริษัทได้วางแผนเชิงรุกระยะสั้น เพื่อรองรับการขยายตัวในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือจากปี 2554-2559
รวมถึงเพื่อเป็นการรองรับการเปิดเสรีประชาคมอาเซียนหรือ เออีซี และเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า บริษัทมีเป้าหมายต้องการผลักดันให้มีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี โดยใช้เงินลงทุนในการรุกตลาดประมาณ 3,000 ล้านบาท  ภายใต้ยุทธศาสตร์หลักใน 3 ด้าน เพื่อขึ้นติดอันดับ 1 ใน 5 ของธุรกิจขายตรงในประเทศไทย
ทั้งนี้แผนยุทธศาสตร์ 3 ด้านนั้น ประกอบด้วย
  1. การขยายตลาดในกลุ่มเออีซี เพื่อรองรับจำนวนประชากรที่มีมากถึง 500 ล้านคน ซึ่งมองว่าเป็นตลาดที่ใหญ่และสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้เริ่มเข้าไปรุกตลาดในประเทศลาวที่กรุงเวียงจันทน์เป็นที่แรก เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไปในปี 2552 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีศูนย์สาขาที่เปิดในประเทศลาวแล้ว 5 แห่ง ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจไปยังประเทศเวียดนามในปี 2555 รวมทั้งมีแผนการขยายไปยังประเทศสิงคโปร์ ที่ขณะนี้ได้ทำการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างการรอสำนักงานเสร็จ สิ้น อีกทั้งมีแผนการทยอยรุกธุรกิจไปยังประเทศจีน พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แต่ทั้งนี้รูปแบบการรุกตลาดอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามเงื่อนไขกฎหมายของแต่ละ ประเทศ โดยเฉพาะจีนและมาเลเซีย ที่อาจปรับระบบเป็นขายตรงชั้นเดียว ซึ่งรูปแบบการลงทุนในทุกประเทศ บริษัทจะเข้าไปลงทุนเองทั้งหมด เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจในระยะยาว
  2. บริษัทมีแผนการตั้งอาคารสำนักงานแห่งใหม่บนพื้นที่ 60 ไร่ บริเวณรังสิต ใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จ จะขึ้นเป็นบริษัทขายตรงที่มีพื้นที่ดำเนินการใหญ่ที่สุดในธุรกิจเดียวกัน
  3. การพัฒนาระบบบริการและระบบไอที เพื่อรองรับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยในส่วนของการให้บริการนั้น บริษัทจะมีการพัฒนาศูนย์สปาช็อป เซ็นเตอร์ ที่มีอยู่แล้ว 970 แห่งทั่วประเทศ ให้บริการลูกค้าดีมากขึ้น โดยศูนย์ดังกล่าวเป็นการลงทุนของสมาชิก ซึ่งจากการวัดผลพบว่า มีจำนวนมากถึง 500 แห่ง ที่ประสบความสำเร็จ และศูนย์เหล่านี้จะช่วยในการขยายฐานลูกค้าและสมาชิกในอนาคตด้วย
รวมถึงบริษัทมีเป้าหมายการพัฒนาศูนย์สาขาให้มีมาตรฐานมากขึ้น ปัจจุบันมีอยู่แล้วกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ และจะมีการขยายศูนย์เหล่านี้ให้มีมากขึ้น เพื่อเป็นทั้งศูนย์กระจายสินค้าและอบรมสมาชิกให้มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การพัฒนาระบบไอที จะเร่งพัฒนาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกที่สามารถทำธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอดเวลาด้วย
“ที่บริษัทมั่นใจว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะสามารถสร้างรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาทได้นั้น เนื่องจากบริษัทมีแผนรองรับหลายชั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยในปีนี้ที่ผ่านมามีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท
และปี 2554 นี้ตั้งเป้ารายได้ประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งนับจากนี้ไปคาดว่าการเติบโตจะมีประมาณ 24% ต่อปี
นอกจากนี้เหตุผลที่มั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ นั้น
เป็นเพราะ
บริษัท มีความพร้อมในเรื่องของโรงงานผลิตสินค้าที่มีทั้งโรงงานเมกา ไลฟ์
ที่ผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

และโรงงานนีโอแดนท์ที่ผลิตสินค้าในกลุ่มความงาม ซึ่งปัจจุบันเดินเครื่องกำลังผลิตเพียง 30% เท่านั้น” นายนพรุจกล่าว
ปัจจุบันสินค้าที่บริษัทจำหน่ายนั้นมีทั้งหมด 4 กลุ่ม คือ
  1. สมุนไพรจีน
  2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม
  4. สินค้าอุปโภคบริโภค
ซึ่งในอนาคตบริษัทมีแผนการขยายไลน์สินค้าในกลุ่มต่างๆ มากขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายและรองรับการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนประมาณ 15-20%
และคาดว่าในอีก 5 ปี จะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 1,000,000 คน จากเดิมที่มี 800,000 คน แบ่งเป็นสมาชิกนักธุรกิจ 30% และที่เหลืออีก 70% เป็นสมาชิกผู้บริโภค